๖๐.
จากดุสิตธานีสู่โฮเต็ลพญาไท (๔)
 |
หมู่พระราชมณเฑียร ณ
พระราชวังพญาไท
(จากซ้าย) พระที่นั่งศรีสุทธนิวาส พระที่นั่งพิมานจักรี
พระที่นั่งไวกูณฐเทพยสถาน พระที่นั่งเทวราชสภารมย์ |
หมู่พระที่นั่งในพระราชวังพญาไทที่ทรงร่างแบบก่อสร้างด้วยพระองค์เองนั้น
ประกอบด้วย พระที่นั่งไวกูณฐเทพยสถาน พระที่นั่งพิมานจักรี
สององค์นี้อยู่ในเขตพระราชฐานชั้นนอก
กับพระที่นั่งศรีสุทธนิวาส เป็นพระราชฐานชั้นใน
แต่โดยที่พระที่นั่งทั้งสามองค์นั้นมีการจัดผังพื้นที่และลักษณะการใช้งานแตกต่างไปจากพระราชฐานอื่นๆ
โดยสิ้นเชิง กล่าวคือ พระที่นั่งที่เป็นที่ประทับโดยทั่วๆ
ไปนั้น ปกติจะมีห้องพระบรรทมเพียงองค์ละห้องหรือสองห้อง
แต่ที่พระที่นั่งไวกูณฐเทพยสถาน พระที่นั่งพิมานจักรี
และพระที่นั่งศรีสุทธนิวาส
กลับมีห้องพระบรรทมและห้องสรงรวมกันอยู่ภายในห้องพระบรรทมรวมกันหลายห้อง
และเมื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้ดัดแปลงตึกคลังราชการซึ่งอยู่ทางด้านตะวันออกของพระที่นั่งไวกูณฐเทพยสถานเป็นพระที่นั่งอุดมวนาภรณ์และโปรดเกล้าฯ
พระราชทานนามพระตำหนักอุดมวนาภรณ์เดิมเป็น
พระตำหนักเมขลารูจีแล้ว ก็ได้โปรดเกล้าฯ ให้จัดห้องต่างๆ
ในพระที่นั่งองค์นั้นเป็นห้องนอนถึงเกือบ ๒๐ ห้อง
 |
โรงแรมรถไฟหัวหิน ปัจจุบันเป็นโรงแรมโซฟิเทลเซ็นทรัลหัวหิน |
การที่ทรงจัดวางรูปแบบของห้องต่างๆ
ภายในหมู่พระที่นั่งในพระราชวังพญาไทไว้เป็นห้องๆ
จำนวนมากเช่นนั้น
น่าจะมีพระราชดำริที่จะจัดพระราชวังพญาไทเป็นโรงแรมมาแต่แรกสร้าง
พยานที่สนับสนุนความคิดนี้ คือ การที่ได้โปรดเกล้าฯ
ให้กรมรถไฟหลวงจัดสร้างโรงแรมรถไฟหัวหินขึ้นที่ชายหาดหัวหินพร้อมกันมากับการสร้างพระราชวังพญาไท
และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้กรมรถไฟหลวงเปิดดำเนินกิจการโรงแรมรถไฟหัวหินมาตั้งแต่วันที่
๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๖๖ และต่อมาในเดือนกันยายน พ.ศ. ๒๔๖๘
ก่อนเสด็จสวรรคตไม่นานนักก็ได้โปรดเกล้าฯ ให้นายพลเอก
พระเจ้าน้องยาเธอ กรมขุนกำแพงเพชรอัครโยธิน
ผู้บัญชาการกรมรถไฟหลวง
เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทเรียนพระราชปฏิบัติถึงการที่จะดัดแปลงพระราชวังพญาไทเป็นโรงแรม
โดยมีพระราชประสงค์ให้ใช้ชื่อโรงแรมนี้ว่า
"Phya Thai Palace Hotel"
เมื่อนายพลเอก พระเจ้าน้องยาเธอ กรมขุนกำแพงเพชรอัครโยธิน
[๑]
รับพระราชกระแสมาคำนวณรายรับและค่าใช้จ่าย
เพื่อจัดทำประมาณการเบื้องต้นว่า
หากแปลงพระราชวังพญาไทเป็นโรงแรมตามพระราชประสงค์แล้ว
โรงแรมแห่งนี้จะสามารถเลี้ยงตัวเองต่อไปได้
แต่การที่กรมรถไฟหลวงใช้เวลาศึกษาเรื่องนี้นานถึง ๒ เดือน
เมื่อจัดทำรายงานการศึกษาขึ้นทูลเกล้าฯ
ถวายก็ประจวบกับทรงพระประชวรและเสด็จสวรรคตในเวลาเพียง ๒
สัปดาห์
ผู้บัญชาการกรมรถไฟหลวงจึงได้นำกระแสพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวขึ้นกราบบังตมทูลพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวซึ่งทรงรับรัชทายาทเสด็จดำรงสิริราชสมบัติต่อมา
จึงได้โปรดเกล้าฯ
ให้กรมรถไฟหลวงดำเนินการจัดพระราชวังพญาไทเป็นโฮเต็ลพญาไทตามพระบรมราชประสงค์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ
แล้วได้เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดโฮเต็ลพญาไทนี้เมื่อวันที่
๑๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๖๙
การที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระราชประสงค์ที่จะจัดพระราชวังพญาไทเป็นโรงแรมนั้น
คงจะมีระราชดำริให้โอเต็ลพญาไทนี้เป็นสถานที่พักของนักธุรกิจที่จะเข้ามาชมและติดต่อสั่งซื้อสินค้าในงานสยามรัฐพิพิธภัณฑ์
(The Kingdom of Siam Exhibition)
ซึ่งกำหนดจัดเป็นงานแสดงสินค้าครั้งแรกของภาคพื้นเอเชียที่สวนลุมพินี
โดยมีกำหนดจัดงานถึง ๑๐๐วัน นับแต่วันที่ ๒๓ มกราคม พ.ศ.
๒๔๖๘ เป็นต้นไป
และในเมื่อนักธุรกิจไปเจรจาการค้าก็คงจะหวังประโยชน์ให้ภรรยาและบุตรธิดาที่ติดตามนักธุรกิจเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศสยามนั้นได้เพลิดเพลินไปกับบ้านเล็กเมืองน้อยในดุสิตธานีที่ด้านหลังโฮเต็ลพญาไท
ดังเช่นที่เคยเสด็จลงทอดพระเนตรบ้านเล็กเรือนน้อยเหล่านี้
ทุกๆ ยามเย็นที่ทรงว่างจากพระราชกิจ
 |
พระราชวังพญาไท เมื่อเป็น
"โฮเต็ลพญาไท" ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว |
แต่การหาได้เป็นไปดังพระราชประสงค์
เพราะเมื่อเสด็จสวรรคตแล้ว
ดุสิตธานีที่ทรงอุทิศทั้งพระราชทรัพย์และพระปรีชาสามารถจัดการสั่งสอนทวยนาครให้มีความรู้ความเข้าใจการปกครองในระบอบประชาธิปไคยด้วยวิธี
"ฝึกให้ทำ นำให้คิด" นั้นก็ถึงกาลสิ้นสุดลง
เจ้าของอาคารต่างก็ยกเรือนของตนกลับบ้าน
ส่วนอาคารที่เป็นของหลวงทั้งพระราชวัง เรือนของท่านราม ณ
กรุงเทพ และเรือนของพระคลังข้างที่บางส่วนนั้น
เจ้าจักรคำขจรศักดิ์
เจ้านครลำพูนได้ขอพระราชทานนำไปจัดแสดงไว้ที่วัดพระธาตุหริภุญไชย
ต่อมาในคราวฉลองวันพะบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้อยู่หัวครบ
๑๐๐ ปี เมื่อวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๒๔ หม่อมหลวงปิ่น
มาลากุล
ซึ่งเวลานั้นเป็นประธานกรรมมูลนิธิพระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ได้ไปตามเก็บซากอาคารเก่าจากดุสิตธานีมาได้จำนวนหนึ่ง
แล้วได้มอบให้กรมศิลปากรจัดการบูรณะ
ขณะนี้ได้นำมาจัดแสดงไว้ที่พระบรมราชะประทรรศนีย์
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ภายในหอวชิราวุธานุสรณ์ชั้น ๔
เพื่อแสดงให้เห็นประจักษ์ถึงพระบรมราชปณิธานที่พระราชทานไว้เมื่อคราวเสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดศาลารัฐบาลมณฑลดุสิตธานี
เมื่อวันที่ ๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๖๒ ว่า
 |
ศาลารัฐบาลมณฑลดุสิตธานี |
"วิธีการดำเนินการในธานีเล็กๆ ของเราเป็นเช่นไร
ก็ตั้งใจไว้ว่จะให้ประเทศสยามได้ทำเช่นเดียวกัน
แต่จะให้เป็นการสำเร็จรวดเร็วทันใจดังธานีเล็กนี้
ก็ยังทำไปทีเดียวยังไม่ได้ โดยมีอุปสรรคบางอย่าง
เพราะฉะนั้นข้าพเจ้าขอให้ข้าราชการทั้งหลายตลอดจนทวยนาคร
จงตั้งใจกระทำกิจการของตนตามหน้าที่ให้สมกับธานีซึ่งได้จัดตั้งขึ้นนี้
ในไม่ช้าจะได้แลเห็นผลของประเทศสยามว่าจะเจริญไปได้เพียงไร"
[๒] |
แม้ว่าดุสิตธานีจะล่มสลาย
และโฮเต็ลพญาไทได้กลายไปเป็นโรงพยาบาลเสนารักษ์กรุงเทพ
เป็นโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า กรมแพทย์ทหารบก
ศูนย์อำนวยการแพทย์พระมงกุฎเกล้า
และขณะนี้กำลังเตรียมการจัดเป็นพิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวแล้วก็ตาม
แต่พระบรมราชปณิธานที่จะวางรากฐานการปกครองในระบอบประชาธิปไตยไปพร้อมกับการส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศและการพัฒนาการท่องเที่ยวของไทยนั้นยังคงเป็นพระบรมราชานุสาวรีย์ให้คนไทยได้น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอยู่มิรู้เสื่อมคลาย
|